สมัชชาคนจนรณรงค์หน้าทำเนียบรัฐบาล ยื่นจดหมายถึงนายกฯ จี้การเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู ต้องไม่จำกัดเสรีภาพทางพันธุ์กรรมและความเป็นธรรมในการเข้าถึงยา ระบุการเจรจาการค้าเสรีจะเป็นอันตรายกับคนทุกคน และเป็นข้อตกลงที่กำจัดชาวนาชาวไร่เกษตรกรรายย่อยให้หมดสิ้นไป

17 ก.ย.56 เวลาประมาณ 11.00 น. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล สมัชชาคนจนจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อร่วมจับตาการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประไทยและสหภาพยุโรป โดยสมาชิกสมัชชาคนจนกว่า 100 คนจากทั่วประเทศร่วมกันเดินรณรงค์ไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี ระบุข้อเรียกร้องของสมัชชาคนจนต่อการเจรจาดังกล่าว โดยมีนายสุพร อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมารับข้อเรียกร้อง

ตัวแทนสมัชชาคนจนได้อ่านแถลงการณ์ โดยระบุว่า การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี ไทย-อียูเป็นนโยบายเศรษฐกิจของรัฐที่จะส่งผลกระทบต่อฐานทรัพยากร ต่อความเป็นอยู่ และสิทธิอันพึงมีพึงได้ของคนจนอย่างยิ่ง การที่สหภาพยุโรปได้กดดันให้รัฐบาลไทยต้องยอมขยายการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในเรื่องพันธุ์พืชและทรัพยากรชีวภาพ จะเปิดทางให้บรรษัทข้ามชาติเข้ามาผูกขาดอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์และเทคโนโลยีชีวภาพ และเข้ามายึดครองฐานทรัพยากรต่างๆ ทำให้เกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ในราคาแพงมากขึ้น ไม่อาจเก็บรักษาพันธุ์เพื่อปลูกต่อ หรือแลกเปลี่ยนระหว่างกันได้ และไม่อาจปกป้องคุ้มครองพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์พื้นเมืองได้อีกต่อไป
การเปิดเสรีทางการค้าจะเปิดโอกาสให้กับบรรษัทข้ามชาติ และนักลงทุนต่างชาติเข้ามาใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างเสรี โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ที่เข้ามาแย่งชิงที่ดิน แหล่งน้ำ และทรัพยากรอื่นๆ ไปจากคนจน ซึ่งเป็นอันตรายต่ออธิปไตยทางอาหารของประเทศ และสิทธิของเกษตรกรรายย่อย
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการความไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงยาหรือการผูกขาดยาจากความพยายามของสหภาพยุโรปที่จะกดดันรัฐบาลไทยหลายประเด็น เช่น การยืดระยะเวลาในการคุ้มครองสิทธิบัตรยา การผูกขาดข้อมูลทางยา และการยึดจับยาต้องสงสัยว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

สมัชชาคนจนได้ยื่นจดหมายต่อนายกรัฐมนตรีผ่านทางนายสุพร โดยเรียกร้องให้รัฐบาลตระหนักถึงผลประโยชน์ของประชาชนโดยเฉพาะคนจน และไม่ทำตัวเป็นนายหน้าเพื่อพิทักษ์ปกป้องผลกำไรของบรรษัทข้ามชาติหรือนายทุนยักษ์ใหญ่ อย่างหน้ามืดตามัว
พร้อมเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลไทยยอมรับขอบเขตการเจรจาที่เกินไปกว่าข้อตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญาขององค์การการค้าโลก (ทริปส์พลัส) และไม่ยอมให้ใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการ มาระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชนด้านการลงทุนที่เกี่ยวกับการลงทุนสาธารณะ การออกนโยบาย หรือมาตรการเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์สาธารณะ อีกทั้งไม่ยอมให้มีการเปิดเสรีการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และภาคเกษตรกรรม ที่จะส่งผลกระทบต่ออธิปไตยทางอาหารและสิทธิของเกษตรกรรายย่อย
จากนั้น สมัชชาคนจนได้ร่วมกันแปรอักษร เป็นตัวหนังสือ “FTA” “Fatal to All” และ “Farmer Terminating Agreement” เพื่อแสดงให้เห็นว่าการเจรจาการค้าเสรีจะเป็นอันตรายกับคนทุกคน และจะเป็นข้อตกลงที่กำจัดให้ชาวนาชาวไร่เกษตรกรรายย่อยให้หมดสิ้นไป

ทั้งนี้แถลงการณ์ดังกล่าวมีรายละเอียด ดังนี้
แถลงการณ์สมัชชาคนจน การเจรจาเอฟทีเอ ไทย – อียู ต้องไม่จำกัดเสรีภาพทางพันธุ์กรรม และความเป็นธรรมในการเข้าถึงยา การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป รอบ 2 ที่กำลังดำเนินอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 16-20 กันยายน 2556 นี้ เป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐที่จะส่งผลกระทบต่อฐานทรัพยากร ต่อความเป็นอยู่ และสิทธิอันพึงมีพึงได้ของคนจน สมัชชาคนจนเล็งเห็นว่า การเจรจาดังกล่าว หากไม่รับฟังเสียงสะท้อนของคนจน จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. การผูกขาดเมล็ดพันธุ์และทรัพยากรชีวภาพ เมล็ดพันธุ์และทรัพยากรชีวภาพไม่เพียงแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชาวนาเท่านั้น หากแต่มีความสำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพและอธิปไตยทางอาหารของประเทศ สมัชชาคนจนไม่ยอมรับการผลักดันของสหภาพยุโรปที่ต้องการให้ไทยขยายการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในเรื่องพันธุ์พืชและทรัพยากรชีวภาพ และการขยายการจดสิทธิบัตรไปสู่สิ่งมีชีวิตอันจะเปิดทางให้บรรษัทข้ามชาติเข้ามาผูกขาดอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์และเทคโนโลยีชีวภาพ และเข้ามายึดครองฐานทรัพยากรต่างๆอันจะส่งผลให้เกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ในราคาแพงมากขึ้นไม่อาจเก็บรักษาพันธุ์เพื่อปลูกต่อ หรือแลกเปลี่ยนระหว่างกันได้ และในท้ายที่สุด เกษตรกรรายย่อย และชุมชนท้องถิ่นไม่อาจปกป้องคุ้มครองพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์พื้นเมืองได้อีกต่อไป 2. การลงทุนเสรีด้านการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร จากบทเรียนของพี่น้องชาวนา ชาวไร่ เกษตรกรรายย่อย จากหลายประเทศทั่วโลกที่มีการเปิดเสรีทางการค้า สมัชชาคนจนตระหนักดีว่า การเปิดเสรีทางการค้าจะเปิดโอกาสให้กับบรรษัทข้ามชาติ และนักลงทุนต่างชาติเข้ามาใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างเสรี โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ที่เข้ามาแย่งชิงที่ดิน แหล่งน้ำ และทรัพยากรอื่นๆ ไปจากคนจน เพื่อการผลิตอาหารและพืชพลังงานเชิงอุตสาหกรรมส่งออก อันจะส่งผลร้ายแรงต่ออธิปไตยทางอาหารของประเทศ และสิทธิของเกษตรกรรายย่อย แต่การเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทยและสหภาพยุโรปในครั้งนี้ กลับไม่มีข้อบัญญัติหรือเจตนาที่จะปกป้องฐานทรัพยากรธรรมชาติดังกล่าวนี้แต่อย่างใด 3. ความไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงยา ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรปที่กำลังเจรจาอยู่นี้ จะทำให้เกิดการผูกขาดยาและความไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงยา เช่นการยืดระยะเวลาในการคุ้มครองสิทธิบัตรยา การผูกขาดข้อมูลทางยา และการยึดจับยาต้องสงสัยว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้ยามีราคาแพงขึ้น ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้อย่างยากลำบากมากขึ้น และเป็นการทำลายอุตสาหกรรมยาชื่อสามัญ นับเป็นการไร้มนุษยธรรมอย่างที่สุด ที่สหภาพยุโรปกดดันให้ไทยเอาชีวิตของคนป่วย โดยเฉพาะคนป่วยที่ยากจน ไปแลกกับสิทธิการค้าของนายทุนหรือบรรษัทข้ามชาติ สมัชชาคนจนขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกับการต่อต้านอย่างขันแข็งของประชาชนอินเดีย จนในที่สุดสหภาพยุโรปต้องยุติการกดดันประเด็นนี้ในการเจรจาการค้าเสรีกับอินเดีย ที่ผ่านมา สมัชชาคนจน พร้อมกับองค์กรประชาชนอื่นๆ ได้ท้วงติงและเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลในประเด็นนี้มาหลายครั้ง และนายโอฬาร ไชยประวัติ หัวหน้าคณะเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรปก็ได้มารับทราบข้อเรียกร้องด้วยตนเองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ดังนั้น ในโอกาสที่ไทยกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป รอบที่ 2 อยู่ในขณะนี้ สมัชชาคนจนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยได้ตระหนักในบทบาทหน้าที่ของตน ในฐานะตัวแทนของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ คำนึงถึงผลประโยชน์ต่อประชาชนทุกภาคส่วนโดยเฉพาะคนยากคนจน มิใช่ประพฤติตนเป็นนายหน้าเพื่อพิทักษ์ปกป้องผลกำไรของบรรษัทข้ามชาติหรือนายทุนยักษ์ใหญ่ อย่างหน้ามืดตามัว หากแต่ยึดมั่นในข้อเรียกร้องของภาคประชาชน และสั่งการให้การเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป เป็นไปตามข้อเสนอของสมัชชาคนจน ดังนี้ 1. ต้องไม่ยอมรับการกดดันหรือข้อเรียกร้องจากสหภาพยุโรปที่จะให้ไทยยอมรับขอบเขตการเจรจาที่เกินไปกว่าข้อตกลงด้านทรัพย์สินทางปัญญาขององค์การการค้าโลก (หรือทริปส์พลัส) 2. ต้องไม่ยอมให้ใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการ มาระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชนด้านการลงทุน ที่เกี่ยวกับการลงทุนสาธารณะ การออกนโยบายหรือมาตรการเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์สาธารณะการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมด้านสาธารณสุขสาธารณูปโภคพื้นฐาน และความมั่นคง 3. ต้องไม่ยอมให้มีการเปิดเสรีการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และการลงทุนในภาคการเกษตร รวมถึงการทำนาทำสวน ทำไร่ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การปลูกป่า การเพาะและขยายพันธุ์พืชตลอดจนการลงทุนอื่นใด ที่จะส่งผลกระทบต่ออธิปไตยทางอาหารและสิทธิของเกษตรกรรายย่อย ในวันที่ 18-19 กันยายน นี้ กลุ่มศึกษาเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) จะจัดกิจกรรมการรณรงค์ติดตามการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป ที่จังหวัดเชียงใหม่ สมัชชาคนจนขอแสดงความสมานฉันท์ และร่วมปฏิบัติการคู่ขนานกับการรณรงค์ดังกล่าว ในครั้งนี้ด้วย 17 กันยายน 2556 สมัชชาคนจน ประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน Democracy where people can eat, Politics where the poor matter. |
ติดตามความเคลื่อนไหวของ ประชาไท ทางอีเมล คลิกอ่าน http://goo.gl/8xIcV หรือเฟซบุ๊ค http://fb.me/Prachatai