ผมไม่แน่ใจว่า ในโลกใบนี้ มีที่ไหนที่เขาสามารถ 'ถอดถอน'นักการเมืองที่ 'พ้นจากตำแหน่ง'ไปแล้ว !?
สมควรย้ำว่า การ 'ถอดถอน'ถือเป็น 'กระบวนการทางการเมือง'ซึ่งเกี่ยวโยงกับเรื่อง 'ความรับผิดชอบทางการเมือง'
หมายความว่า หากนักการเมืองใดถูกกล่าวหาว่าเขาทำผิดทางการเมือง และถูกยื่นให้ต้องถูกถอดถอน นักการเมืองผู้นั้นก็จะมี 'ทางเลือก'หลักอยู่ 2 ทาง คือ
1. หากสำนึกว่าผิดจริง ก็ 'ลาออก'เพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง หมายถึงยอมรับว่าตนมีส่วนผิดจริง จึงขอพ้นตำแหน่ง เพื่อให้เรื่องยุติในทางการเมือง (ส่วนคดีความทางกฎหมายก็ไปว่ากันต่อในทางกฎหมาย)
หรือ
2. หากมั่นใจว่าตนไม่ผิด ก็ 'ไม่ลาออก'และเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการ 'ถอดถอน'หากเขามั่นใจว่าเขามีเสียงผู้แทนประชาชนสนับสนุนเขาในทางการเมือง เขาก็ไม่ต้องกลัวอะไร (ส่วนคดีความทางกฎหมายก็ไปว่ากันต่อในทางกฎหมาย ไม่ได้เอามาปนกัน)
ด้วยเหตุนี้ การ 'ถอดถอน'จึงจำเป็นต้องกระทำในขณะที่นักการเมืองยังอยู่ในตำแหน่ง
ส่วนหากนักการเมืองผู้นั้นทำผิดในทางกฎหมาย กล่าวคือ กระทำสิ่งที่มีกฎหมายบัญญัติโทษไว้ชัดเจน เช่น ทุจริต ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีโทษจำคุก ก็สามารถดำเนินคดี ‘ในทางกฎหมาย’ กับนักการเมืองผู้นั้นได้ แม้จะพ้นตำแหน่งไปแล้ว อันเป็นคนละเรื่องกับเรื่อง 'ความรับผิดชอบทางการเมือง'
ตรงกันข้าม หากการ 'ถอดถอน'ทางการเมืองเป็นกระบวนการที่กระทำย้อนหลัง คือ แม้จะได้ 'ลาออก'หรือพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่ก็ยังกลับมา 'ถอดถอน'กันได้ ผลที่ตามมาก็คือ จะไม่มีนักการเมืองคนใดยอมแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก เพราะถ้ายอมรับผิดแล้วลาออก ก็ยิ่งกลายเป็นยอมรับให้ตัวเองถูกถอดถอน
และในที่สุด ก็จะเกิดวงจรหวงอำนาจ นักการเมืองที่ถูกกล่าวหาก็จะพยายามรักษาตำแหน่งไว้เพื่อใช้อำนาจที่เหลือเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่ออยู่ป้องกันไม่ให้มีการถอดถอน หรือร้ายกว่านั้น ก็จะเกิดขั้นตอนการนำการถอดถอนย้อนหลังมาใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนทางการเมือง เป็นช่องโหว่ให้เกิดการเจรจาย้อนหลังไม่รู้จบ เปิดช่องให้ทุจริตเพิ่มเติมกว่าเดิม เช่น "ผมจะไม่ถอดถอนคนของท่านย้อนหลัง หากท่านยอมช่วยผม 1 2 3 4 5..."
ด้วยเหตุนี้ การที่ สนช. ตีความให้เดินหน้าลงมติถอดถอน อดีตประธาน ส.ส. และ ประธาน ส.ว. ที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว รวมถึงกำลังจะพิจารณากรณีของอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น จึงส่งผลเป็นการทำลาย 'หลักความรับชอบทางการเมือง'และส่งเสริม 'วงจรการหวงอำนาจ'เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนตัว และเป็นการ 'เปิดช่องเวลาให้ทุจริตมากขึ้นกว่าเดิม'เสียด้วยซ้ำ
ดังนั้น ต่อไปนี้ หากใครจะบ่นว่า 'นักการเมืองไทยหน้าด้าน'ไม่ลาออกเหมือนญี่ปุ่น หรือชอบเล่นพรรคเล่นพวก ก็โปรดอย่าลืมว่า ส่วนหนึ่งของปัญหา ก็คือ บรรดา 'คนดี'ที่จะไปถอดถอนคนอื่นแบบไร้หลักคิดดังที่กล่าวมา ด้วยประการฉะนี้ แล.